ตบให้สนั่น แรงกระตุ้นที่ทำให้นักกีฬากลับมามีแรงฮึดสู้ได้ตลอดส่วน

ตบให้สนั่น หลางผิง (ไป่ล่าง – ลูกสาวของ หลางผิง มารับบทเป็นแม่ ตัวเองในวัยเด็ก) ที่ได้เริ่มต้นเข้ามาเป็น
นักวอลเลย์บอล ทีมชาติจีน ในปี 1979 ภายใต้การนำของ หยวน เหว่ยหมิน (หวูกัง) ในยุคที่วอลเลย์บอลของ
จีน อยู่ในช่วงเริ่มต้น และพัฒนาหลางผิง ถูกเรียกตัวมาติดทีมชาติ ในวัยเพียงแค่ 18 ปี ซึ่งเป็นผู้เล่นที่อายุน้อย
ที่สุดในทีม และมี เฉิน จงเหอ (เผิง ยู่ชาง)

เป็นผู้ช่วยโค้ช ในทีมในยุค 80 วอลเลย์บอลจีน ต้องฝึกซ้อมกันอย่างหนัก ซ้อมกันแทบ จะทั้งวันทั้งคืน โดย
ความผิดพลาดในอดีตของ หยวน เหว่ยหมิน ในสมัยที่เป็นนักกีฬา เป็นแรงผลักดันให้ เขาเองอยากจะพัฒนา
วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติจีน ให้ก้าวขึ้นสู่แนวหน้าของ โลกพาร์ทแรกของหนัง เราจะได้เห็นการ ซ้อมของทีม
ชาติจีน ภายใต้การนำของ หยวน เหว่ยหมิน ที่เคี่ยวเข็ญผู้เล่นในทีมอย่างหนัก

ตบให้สนั่น

และได้เห็นวิธีการ ฝึกซ้อมที่สุดโหด และกดดัน ทั้งจากเป้าหมายของทีม และจากการกระตุ้น ของโค้ชการแสดง
ของ หวูกัง ที่รับบทเป็นโค้ช เป็นการถ่ายทอด อารมณ์ของคนที่มี เป้าหมายในการทำหน้า ที่เฮดโค้ชได้อย่าง
ยอดเยี่ยม มีทั้งความดุ และความอ่อนโยน รวมถึงความรัก ที่มีต่อนักกีฬาในทีม เปรียบเสมือนคุณ พ่อจอมเนี้ยบ
ที่มีกฎเกณฑ์ ค่อนข้างเยอะโดย เฉพาะบทโหดในช่วง ของการฝึกซ้อม และการพูด ที่มีทั้งดุด่า

และแรงกระตุ้น ที่ทำให้นักกีฬากลับ มามีแรงฮึดสู้ ได้ตลอดส่วน ไป่ล่าง ที่รับบทเป็นแม่ ของเธอในวัยเด็ก ก็
ทำหน้าที่ถ่ายทอด ความรู้สึกของเด็ก คนหนึ่งที่มีเป้าหมาย และความฝันในการเล่น วอลเลย์บอลออก มาได้
เป็นอย่างดี รวมถึงความทุ่มเท ที่เธอเองยอมใจ ในการลดน้ำหนักลงมา หลายกิโลกรัม เพื่อมาเป็นแม่ฉบับ
ผอมเพรียวก็ เป็นความน่าทึ่งแล้ว แต่การแสดง ดูบอลสด

แอ็คติ้งรวมถึง สีหน้าท่าทางเป็น การเล่นที่กลมกลืน และดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก

โดยเราจะได้เห็นความ มุ่งมั่นในการฝึกซ้อม ที่เธอเองหวังจะได้ ลงเล่นกับรุ่นพี่ใน ทีมส่วนตัวละคร เฉิน จงเหอ
ที่รับบทโดย เผิง ยู่ชาง ผู้ช่วยโค้ชหนุ่ย ที่เข้ามาช่วย หยวน เหว่ยหมิน ดูแลทีมวอลเลย์ บอลหญิง ก็เป็นคน
นิ่ง ๆ เงียบ ๆ มีความอ่อนโยน และจิตใจดี รวมถึงรักในการทำหน้าที่ ของตนเองที่ ได้รับมอบหมาย และดูแล
นักกีฬาทุกคน ในทีมด้วยความเอา ใจใส่โดยเฉพาะกับ หลางผิง ที่ เฉิน จงเหอ ดูจะชื่นชอบ

เพราะเป็นน้องสุดในทีม รวมถึงความสัมพันธ์ ของทั้งสองตัวละคร ก็เป็นมุมกุ๊กกิ๊กน่ารัก แนววัยรุ่นยุค 80ซึ่งใน
ช่วงครึ่งแรกของหนัง เป็นช่วงเวลาที่ดูอิ่มเอมใจ และดูกลมกล่อม ที่สุดของหนัง เป็นการเล่าถึง จุดเริ่มต้นของ
หลางผิง ในวัยเด็กที่ดู หม่นหมอง สดใส ในเวลาเดียวกัน เพราะด้วยการเล่าที่ดี การแสดง ของตัวละครที่ออก
มาดี และเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงมีช็อตเรียก น้ำตาได้อยู่ตลอด

เราได้เห็นถึงเป้า หมายของตัวละคร ที่ชัดเจน มีทั้งความคาดหวัง และความมุ่ง มั่นตั้งใจ พวกกับพลังใจใน
การซ้อม รวมถึงการเล่น และไคลแม็กซ์ ของพาร์ทนี้ก็เป็น อะไรที่ทำให้เราน้ำตา ซึมได้ด้าน เฉิน จงเหอ ก็
พัฒนาตัวเอง จากผู้ช่วยโค้ช จนมาเป็นโค้ช และได้ทำหน้าที่ สูงสุดของชีวิตคือ การคุมวอลเลย์ บอลหญิง
ทีมชาติจีน และพาทีมประสบ ความสำเร็จสูงสุด คือเหรียญทอง โอลิมปิกเกมส์ 2004

ตบให้สนั่น

ที่ประเทศจีนความ ต่อเนื่องของหนัง มันกระโดดไปไกลมาก เพราะเป็นเวลากว่า 30 ปีตามเนื้อเรื่องที่เราไม่
ได้เห็นตัวละคร 2 ตัว พัฒนาความสัมพันธ์กันมา แต่กลับมาเห็นอีกทีตอน ที่ทั้งคู่ต้องการเผชิญหน้ากันใน
สนามโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่จีนเป็นเจ้าภาพ ทั้งหลางผิง และ จงเหอ ต้องมาเจอกันในฐานะโค้ชในเวที
นานาชาติ หลังจากที่เป็นเพื่อน และมีมิตรภาพที่ดีต่อกันมามากกว่า 30 ปี

อีกทั้งในช่วงครึ่งหลังของหนัง แม้ทั้ง กงลี่ และ หวงโป๋ จะถ่ายทอดการเป็นตัวละครเวอร์ชั่นผู้ใหญ่ออกมา
ได้ดี แต่กลายเป็นว่าความคลิกกันระหว่างวัยที่โดดกันมากเกินไปในช่วงครึ่งแรก ทำให้ช่วงนี้ไม่ค่อยดีมาก
นักรวมถึงช่วงนี้เป็นเล่าแบบรวบตึงซะมากกว่า และพยายามกระจายบท ไปให้กับนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง
ตัวจริงที่มาแสดง กันแทบครบทีม ตบให้สนั่น

ทำให้เราอาจจะได้ ห็นความสัมพันธ์ของ ตัวละครหลักน้อยไปนิด หน่อยทั้งการบิวต์อารมณ์ ในความกดดัน
และความเครียด ในการทำงานของทั้งสองโค้ช ดูจะเห็นได้น้อยกว่าโค้ชหยวน เหว่ยหมิน ที่สร้างความเป็น
ผู้นำในสนามได้ดีกว่าในยุคหลัง ฝีมือลีกฟิลิปปินส์ วอลเลย์บอล