เปิดเผย ฉันขออภัยอย่างซาบซึ้ง สำหรับอีกทั้งคำบอกเล่า และก็ความประพฤติปฏิบัติในสมัยก่อนที่ได้มอบรอยแผล

เปิดเผย เป็นที่ความจำที่ยากจะลืมให้กับบรรดาอดีตกาลเพื่อนพ้องร่วมกลุ่มที่ได้ร่วมเล่นร่วมกันตั้งแต่ยุคยังเป็นวัยรุ่น “ฉันขอโทษอย่างจริงใจกับบรรดาคนที่ได้รับความเจ็บ และก็ความเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ทรมานแสนสาหัส

จากทั้งยังคำกล่าวรวมทั้งพฤติกรรมของฉันในยุคที่ยังเป็นวัยรุ่น รวมทั้งฉันจะไม่มีทางลืม อีกทั้งคำกล่าวแล้วก็ความประพฤติปฏิบัติที่บกพร่องพวกนั้น รวมทั้งจะปรับแก้ตนเองให้เปลี่ยนคนแก่เยอะขึ้นเรื่อยๆ

ถ้อยคำแถลงขออภัยอย่างเป็นทางการในการปฏิบัติในอดีตกาลที่เริ่มจะมีผลต่อปัจจุบันนี้รวมทั้งบางครั้งก็อาจจะถึงอนาคต สำหรับดาวรุ่งที่ “บางโอกาส” บางทีอาจได้เปลี่ยนเป็น “ซุปเปอร์ตาร์ที่แวดวงกีฬาของประเทศเกาหลีใต้”

อะไรเป็น “พฤติกรรมในสมัยก่อน” ของคนที่กำลังเฉิดฉันท่ามกลางสปอตไลต์ กระทั่งจำเป็นต้องติดๆขัดๆออกคำอธิบายขออภัยอย่างเป็นทางการแบบนั้น! “ใช้อาวุธมีดข่มขวัญ ใช้ความรุนแรงประทุษร้าย

เพื่อรีดไถเงิน รวมทั้งบังคับให้สหายร่วมกลุ่มรุ่นน้องซักผ้าให้” โดยทั้งปวงที่ความประพฤติย่ำยีคนอื่นนั้น เกิดขึ้นในยุคที่ “คุณทั้งสอง” กำลังเรียนอยู่ในระดับเพียงแต่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น รวมทั้งม. ปลายเสียด้วย “คุณทั้งสอง”

ที่นำเสนอมาทั้งหมดทั้งปวงนี้เป็นผู้ใด? “คุณทั้งสอง”หมายถึงสองแฝดดาวรุ่งที่แวดวงวอลเลย์บอลประเทศเกาหลีใต้ ที่มีชื่อว่า “อี-แจยอง”  รวมทั้ง “อี-ดายอง” วัย 24 ปี นักกีฬาวอลเลย์บอลกลุ่มชาติประเทศเกาหลีใต้

และก็นักวอลเล่ย์บอลลูกยางอาชีพขึ้นอยู่กับสมาพันธ์อินชอน ฮึงกุก ไลฟ์ พิงค์ สไปเดอร์ สมาคมวอลเลย์บอลหญิงชั้นแนวหน้าในวีลีก ของประเทศเกาหลีใต้ โดยอี-แจยอง” เล่นในตำแหน่งตัวตบหัวเสา ส่วน “อี-ดายอง” เล่นในตำแหน่งตัวเซต ซึ่งสองสาวฝาแฝด” นับว่าเป็นกำลังสำคัญสำหรับการพาทีมวอลเลย์บอลประเทศเกาหลีใต้ประเทศเกาหลีใต้

คว้าเหรียญทองในกีฬาเอเชียนเกมส์ อินชอนเกมส์ 2014 รวมทั้งการนำกลุ่มชาติประเทศเกาหลีใต้ผ่านเข้าไปเล่นในกีฬาโอลิมปิกเมืองโตเกียว 2020 ได้เสร็จอีกด้วย (เดี๋ยวนี้ยังคงเลื่อนจัดแจงแข่งออกไปจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดโรคโควิด-19) ด้วยฐานะนักกีฬาตัวหลักที่ความมุ่งมาดของชาติ เมื่อบวกกับบริเวณใบหน้าแสนสวย

ทำให้ที่ผ่านมา ทั้งสองนับว่าเป็นตัวเอกสุดป๊อปที่แวดวงกีฬาไปโดยปริยาย แต่ว่าแล้ว เมื่อปรากฏว่า ในโลกอินเตอร์เน็ตมีการรื้อฟื้นเรื่องราวการกระทำในสมัยก่อนของ “สองแฝดที่ความคาดหวัง” ว่าคุณทั้งสองเคยปฏิบัติย่ำยีกับคนใดเอาไว้บ้าง โดยคนที่กล่าวถึงว่า “เคยกลายเป็นเหยื่อของพวกเธอ” ด้านมืดที่เคยถูกกลบไว้ด้วยแสงที่สปอตไลต์

แล้วก็บริเวณใบหน้าอันสวยก็เลยถูกเห็นได้ท้ายที่สุด โดยคนที่อ้างถึงว่าเป็นเหยื่อถึง 4 คน ได้ออกมาเปิดโปงว่า พวกคุณมีความประพฤติทั้งยังวางก้าม ใช้ความรุนแรงข่มขวัญ ประทุษร้าย รวมทั้งขูดรีดเหยื่อมากไม่น้อยเลยทีเดียวรวมกันถึง 21 ข้อกล่าวหา หลังจากนั้นเหยื่ออีกหลายท่าน ก็ได้เข้ามาร่วมด้วยช่วยเหลือกันแชร์ความประพฤติสุดเลวทรามของทั้งสอง

จวบจนกระทั่งขยายอย่างกับไฟลามทุ่ง รวมทั้งหากแม้ตอนนี้ โพสต์เปิดโปงจาก 4 เหยื่อ และก็คนอื่นจะถูกลบทิ้งไปทั้งผองแล้ว และก็ยากที่จะระบุตัวตนของคนที่กล่าวอ้างได้ แม้กระนั้นบรรดาคนที่เสพเรื่องเลวร้ายแบบนี้ กลับไม่บางทีอาจทนเฉยกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ทำให้มีผู้คนร่วมเซ็นชื่อถึง 120,000 คน เพื่อเรียกร้องให้ทำเนียบผู้นำประเทศเกาหลีใต้

หรือ “บลูเฮาส์ กระทำไต่สวนหาข้อสรุป จนกว่าส่งผลให้เกิดผลสรุปหายนะสำหรับ “อนาคตในแวดวงวอลเลย์บอล” ของ “ทั้งสอง” โดยสมาคมวอลเลย์บอลประเทศเกาหลีใต้ หรือ ได้ออกแถลงการณ์ว่าสองฝาแฝด จะถูกถอดออกมาจากกลุ่มชาติชุดที่จะไปเล่นกีฬาโอลิมปิกที่กรุงเมืองโตเกียว รวมทั้งชุดที่จะลงเล่นในวอลเลย์บอลเนชัน ลีก 2021

รวมทั้งการเลือกเฟ้นเพื่อลงทำแข่งในระดับประเทศทั้งผอง รวมทั้งออกกฎใหม่ที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิมอย่างมาตรการลงทัณฑ์ “แบนทั้งชีวิต” กับบรรดาคนที่เคยมีประวัติแกล้งในสถานศึกษามาก่อน ในขณะ ชมรมอินชอน ฮึงกุก ไลฟ์ พิงค์ สไปเดอร์ สังกัดเดิมของสองสาวก็ตกลงใจไม่มีความแตกต่างกัน นอกเหนือจากที่จะมีการแถลงขออภัยอย่างเป็นทางการแล้ว

เปิดเผย ยังแสดงความรับผิดชอบด้วยการประกาศถอดทั้งสองออกมาจากกลุ่มโดยไม่มีระบุด้วย วอลเลย์บอล

เปิดเผย

เปิดเผย เมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นกับการแกล้งในสถานศึกษา แล้วก็แวดวงกีฬาเปลี่ยนเป็นเรื่อง “อื้อฉาว” ในระดับประเทศครั้งใหม่ ทำให้ปัญหาหมักหมมเรื้อรังที่ไม่เคยได้รับการปรับแก้นี้ ถูกเอามา “เป็นหลักสำคัญร้อน” จนถึงนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการโต้เถียงในวงกว้างในสังคมประเทศเกาหลีชนขึ้นอีกที อะไรเป็น จุดเริ่มต้นของปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิด

และก็การทำร้ายนักกีฬา? ปัญหาใหญ่สำหรับประเด็นนี้หมายถึงองค์ประกอบอำนาจในวงการกีฬา ไม่ว่าจะเป็น “ผู้ฝึกสอนหรือ นักกีฬาคนดังของประเทศเกาหลีใต้ จะสามารถเลี่ยงจาก ข้อกล่าวหาการใช้กำลัง หรือคำพูดประทุษร้ายรวมทั้งจิตใจ หรือแม้กระทั้งจนกระทั่งการล่วงละเมิดทางเพศกับนักกีฬาเด็ก หรือเพื่อนพ้องร่วมกลุ่มที่อายุน้อยกว่าได้ ดูบอลสด

โน่นเป็นเนื่องจากว่าสถานที่เรียนสังกัดเดิมจะพากเพียรปิดหน้าปิดตาในเรื่องผู้กระทำลั่นแกล้งไม่ดีต่างๆนานา ที่เกิดขึ้น ตราบเท่าที่ผู้ฝึกสอน หรือนักกีฬาดีเด่นผู้มีอำนาจพวกนั้น ยังคงสามารถสร้างชื่อและก็ผลิตเหรียญรางวัลต่างๆมาเติมแต่งให้กับตู้โชว์ในสถานที่เรียนได้โดยตลอด ซึ่งทั้งผองนี้หมายถึงปัญหาในเชิงองค์ประกอบด้านวัฒนธรรม

ที่ตั้งรกรากลึกในสังคมประเทศเกาหลีใต้ ที่ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญต่างดูไปในมุมเดียวกันว่า ถ้าหากจะจัดการกับปัญหาหัวข้อนี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง มันจึงควรก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปที่องค์ประกอบเบื้องต้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกสอน ตัวนักกีฬา สถานที่เรียน ครอบครัว รวมทั้งรัฐบาล มากยิ่งกว่าที่จะทำเพียงแค่การคลำหน้าปะจมูกแก้ไขเป็นรายกรณี

หรืออาศัยเพียงแต่วาทศิลปของบรรดานักการเมืองที่มุ่งมีความสนใจเพียงแต่ปัญหาเป็นบางครั้ง ด้วยเหตุว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องฉาวโฉ่เดียวที่พึ่งจะเกิดขึ้นในแวดวงกีฬาของประเทศเกาหลีใต้ในห้วงช่วงเวลานี้ ผู้กระทำลั่นแกล้ง และก็การล่วงละเมิด ปัญหาหมักหมมในแวดวงกีฬาประเทศเกาหลีใต้? โดยก่อนจะเกิดเหตุฉาวโฉ่จาก 2 ฝาแฝดนี้

ก็เคยกำเนิดกรณี “ซง-มยองกึน รวมทั้ง “ชิม-คยองซอบ 2 นักกีฬาวอลเลย์บอลชายขึ้นตรงต่อชมรม อันซัน โอเค ไฟแนนเชียล กลุ่ม โอเคแมน ก็พึ่งจะถูกข้อกล่าวหาใช้ความรุนแรงแกล้งเพื่อนพ้องในสถานที่เรียนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและก็ม. ปลาย ตราบจนกระทั่งจำต้องออกมาแถลงขออภัยในความประพฤติปฏิบัติสุดชั่วร้ายของตน

อย่างเป็นทางการ แล้วก็ถูกแบนจากการประลองขันวีลีก แบบไม่มีระบุมาแล้ว! หรือถ้าเกิดนับย้อนไปในม.ค. ปี 2018 นักกีฬาสาวสปีดรองเท้าสเกตระยะสั้น ระดับเหรียญทองโอลิมปิก อย่าง “ลอง ซอก-ฮี” ก็ได้ออกมาใส่ร้ายป้ายสี “ผู้ฝึกสอนโชแจ-บอม” ของตนเองว่า มีความประพฤติใช้ความรุนแรงประทุษร้าย และก็รุกรามทางเพศเธอมาตรงเวลายาวนานหลายปี

แล้วก็ปัจจุบันเมื่อเร็วๆนี้ “ชเว ซอก-ฮยอน” อดีตกาลนักกีฬาสามกีฬา ได้ทลายความอึดอัดของตนด้วยการออกมาเปิดโปงว่า คุณถูกรุกรามทางเพศ โดยผู้ฝึกสอน และก็สหายร่วมกลุ่มรุ่นพี่ ขณะร่วมขึ้นตรงต่อสมาคมครึ่งหนึ่งอาชีพ จนกว่าทั้งผองจะถูกตัดสินจำคุกเป็นการลงโทษ เรื่องราวโจษจันทำให้ชื่อเสียงป่นปี้แวดวงกีฬาดินแดนกิมจิพวกนี้

ทำให้รัฐบาลประเทศเกาหลีใต้จำเป็นที่จะต้องทำอะไรสักอย่าง ซึ่งทางออกที่ว่าหมายถึงการตั้งศูนย์จริยธรรมด้านกีฬา ขึ้นเมื่อส.ค.ปีที่ผ่านมา (ปี 2020) โดยมีภารกิจสำคัญเป็นการดูแลความโล่งใสในแวดวงกีฬา แล้วก็การป้องกันนักกีฬา รวมทั้งมีอำนาจสำหรับการสืบสวนหาข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องฉาวโฉ่ในแวดวงกีฬามากขึ้นเรื่อยๆด้วย

ถ้าเกิดแต่ว่า…ความมานะบากบั่นอันแสนทุลักทุเลที่ว่านี้ ได้แปลงเป็นขำขันร้ายในแวดวงกีฬาของประเทศเกาหลีใต้ตอกย้ำเข้าไปอีก เมื่อ “อีซุก-จิน” ผู้อำนวยการศูนย์จรรยาบรรณด้านกีฬา ถูกผู้ใต้บังคับบัญชาป้ายความผิดว่า ใช้ถ้อยคำขู่เข็ญให้ลูกน้องเข้ารับการบำบัดทางจิตใจ โดยอ้างต้นสายปลายเหตุเพียงว่า “มีความเคร่งเครียดมากเกินความจำเป็น”

ในเมื่อ…คนที่มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบสำหรับในการคุ้มครองป้องกันนักกีฬาจากการเช็ดกกดขี่ หรือแกล้งโดยตรง กลับถูกตั้งข้อกล่าวหาเดียวกันเสียเอง มันก็เลยทำให้บรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับแวดวงกีฬาไม่เห็นว่า ปัญหาด้านการแกล้งโดยใช้ความรุนแรงหรือถ้อยคำ รวมไปจนถึงถึงการใช้ความรุนแรงทางเพศ ในแวดวงกีฬาระดับม. ต้น และก็ม. ปลาย ซึ่งเรื้อรังมานานมากหลายทศวรรษจะถูกปรับปรุงได้เพียงแต่การตั้งหน่วยงานเพียงแค่หน่วยงานเดียวขึ้นมาดูแล

เปิดเผย

วัฒนธรรมผู้ฝึกสอน เป็นผู้ถูกเสมอหมายถึงชนวนเหตุของปัญหาในแวดวงกีฬาเยาวชน

เปิดเผย ขนบในแวดวงกีฬาของประเทศเกาหลีใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงกีฬามัธยมหมายถึงผู้ฝึกสอน เป็นผู้กุมอำนาจเหนือนักกีฬาทุกคน และไม่เพียงเท่านั้น ผู้ฝึกสอนยังมีผลอยู่เหนืออนาคตของนักกีฬาวัยเด็ก สำหรับทางที่จะก้าวไปสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพ หรือการไปเป็นผู้เล่นในระดับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อด้วย

โดยทั้งหมดทั้งปวงที่ว่าไปนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ ถ้ามิได้รับความเมตตากรุณาจากผู้ฝึกสอน เพราะเหตุว่าเป็นที่รู้กันดีว่า ในแวดวงกีฬาระดับมัธยมของประเทศเกาหลีใต้ การจะถูกเห็น “ความเด่น” จากบรรดาแมวมองในระดับอาชีพหรือระดับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อได้นั้น มันจะเกิดขึ้นได้ก็เมื่อผู้ฝึกสอน ยอมสนับสนุนจังหวะให้ลงเล่นมากพอ

สำหรับในการชิงชัยแต่ละนัดหมายแค่นั้น โดยเหตุนี้ แม้ว่าจะรู้สึกไม่ชอบใจต่อความประพฤติของผู้ฝึกสอน ไม่ว่าจะเป็นการรังแกด้วยวาจา หรือการลงมือลงไม้มากมายแค่ไหน นักกีฬาก็ไม่มีสิทธิที่จะแสดงออกอะไรก็แล้วแต่เพราะเหตุว่าถ้ากำเนิดไปทำให้ผู้ฝึกสอน รู้สึกไม่ชอบใจแม้กระทั้งเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ โน่นจะพอๆกับ

อนาคตในแวดวงกีฬาหมดสิ้นไปตลอดไป ผู้ฝึกสอนนักกีฬาอัจฉริยะ สมการที่บิดเบี้ยวในแวดวงกีฬาเยาวชนประเทศเกาหลี? ซึ่งขนบผู้ฝึกสอน เป็นผู้ถูกเสมอนั้น มันถูกผูกโยงกับสมการที่ว่า อนาคตในหน้าที่การงานของผู้ฝึกสอน แต่ละคน ย่อมควรจะมี “นักกีฬาอัจฉริยะคู่ใจ” เป็นของคู่กัน เพราะเหตุว่าการมีนักกีฬาที่สะดุดตาในกลุ่ม

ย่อมสามารถค้ำประกันผลงานในสนาม รวมทั้งหน้าที่การงานของผู้ฝึกสอนได้เหมือนกัน ด้วยประการฉะนี้ เหล่านักกีฬาอัจฉริยะในวัยเด็กก็เลยได้สิทธิพิเศษเหนือนักกีฬาผู้อื่นในกลุ่ม หรือเอาง่ายๆว่า จะได้รับการเอาใจมากเกินกว่าธรรมดาเป็นพิเศษ ซึ่งการเช็ดกหลอมรวมแบบไม่ถูกๆกลุ่มนี้ ทำให้เหล่านักกีฬาวัยรุ่นประเทศเกาหลีส่วนใดส่วนหนึ่ง

มีขึ้นอีโก้เก๋ที่มีความรู้สึกว่า ตนเอง “อยู่เหนือคนอื่นๆ” รวมทั้งสามารถจะทำอะไรกับสหายร่วมกลุ่มที่ด้อยกว่าได้ทั้งหมดทุกอย่าง ไม่เว้นถึงแม้ว่าจะผู้กระทำลั่นแกล้ง หรือประทุษร้ายและก็จิตใจ จนตราบเท่าจำต้องจำยอมออกไปจากกลุ่มโดยปราศจากความไม่ถูก เนื่องจากว่าผู้ฝึกสอน จะแกล้งทำเป็นเอาหูไปที่นาเอาตาไปไร่ ด้วยมีความเห็นว่า

อัจฉริยะนักกีฬารุ่นเยาว์กลุ่มนี้มีความหมายต่อการบรรลุเป้าหมายของกลุ่มมากยิ่งกว่า โชว์ฟอร์มหรู